คปภ. สั่งบริษัทจ่ายเคลมกรณี ‘น้องหญิง’ ถูกรถชนเสียชีวิต

คปภ. สั่งบริษัทจ่ายเคลมกรณี ‘น้องหญิง’ ถูกรถชนเสียชีวิต

คปภ. สั่งบริษัทจ่ายเคลม กรณี น้องหญิง ถูกรถเบนซ์ชนเสียชีวิต และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกัน พร้อมดำเนินคดีบริษัทในข้อหาประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวถึงกรณีที่ พ่อแม่ของน้องหญิงผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ของคู่กรณี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน และได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันภัยผู้รับประกันภัยรถเบนซ์ของคู่กรณี ทั้งที่มีคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564

โดยมีคำพิพากษาให้ผู้ขับขี่รถเบนซ์เป็นผู้ประมาทแต่ฝ่ายเดียว 

และตามความเห็นของสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 500,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) จำนวน 2 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ ตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น โดยได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้รับเรื่องร้องเรียน และสำนักงาน คปภ. จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เร่งประสานให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งติดตามและรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ไม่ได้นิ่งนอนใจในกรณีดังกล่าว เมื่อผู้ร้องได้ยื่นเรื่องร้องเรียนสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ก็ได้เร่งดำเนินการและแจ้งความเห็นให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัย ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแล้ว แต่บริษัทแจ้งใช้สิทธิโต้แย้งความเห็นว่า กรณีพิพาทน่าจะประมาทร่วมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของทายาทของผู้เสียชีวิต จึงได้เรียกบริษัทชี้แจ้งข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 พร้อมให้ส่งเอกสารหลักฐานภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

โดยบริษัทแจ้งว่าได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ได้รายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่าได้ประสานไปยังบริษัทเพื่อให้พิจารณาทบทวนจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร่งด่วนอีกครั้งแล้ว บริษัทยังไม่แจ้งผลการพิจารณากลับมา

เมื่อบริษัทยังคงโต้แย้งว่า รถยนต์คันเอาประกันภัยมิได้ประมาท

ซึ่งขัดแย้งกับผลของคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้วข้างต้น หรือปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย หากบริษัทยังปฏิเสธไม่จ่ายเคลมดังกล่าวการกระทำของบริษัทเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2549 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 20,000 บาท จนกว่าบริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเสร็จ โดยสำนักงาน คปภ. จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และนำเรื่องเสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว

“ผมขอแสดงความห่วงใยและเสียใจกับครอบครัวของน้องหญิงที่ประสบภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง สำนักงาน คปภ. พร้อมจะเข้าไปประสานให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง เห็นใจในขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น

ซึ่งต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ โดยสำนักงาน คปภ. จะใช้มาตรการทางกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้ระบบประกันภัยเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Line Chatbot@oicconnect ข้อมูลอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ตำรวจออสเตรเลีย รวบ ผู้ต้องสงสัยอยู่เบื้องหลัง นำเข้ายาเสพติดจากไทย ในเดือน ก.ค.

ตำรวจออสซี่รวมตัวสองหนุ่มฐานเป็นผู้ต้องสงสัย นำเข้ายาเสพติดจากไทย ในเดือน ก.ค. จำนวนกว่า 300 กิโลกรัม และมูลค่า 900 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน สำนักข่าว เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม ชายชาวออสเตรเลียสองคน หลังจากที่ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการยาเสพติดน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัมที่ถูกสกัดก่อนส่งออกประเทศออสเตรเลีย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นระบุว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัยนั้นเกี่ยวข้องกับขบวนการที่เป็นภัยต่อชาติเป็นอย่างมาก โดยเบื้องต้นทั้งสองถูกตั้งข้อหาฐานสมคบคิดในการนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า สำนักงานศุลกากร ท่าเรือเแหลมฉบัง พบสินค้าที่มีความน่าสงสัย เตรียมส่งออกไปยังออสเตรเลีย เป็นสีอะคริลิกบรรจุถังพลาสติกสีฟ้า 135 ถัง และสีอะคริลิกบรรจุถังสีม่วง 135 ถัง

เมื่อเปิดตรวจสอบพบว่ามีกล่องพลาสติกสีในห่อด้วยเทปพลาสติกสีน้ำตาลน้ำหนักประมาณ 2.4 กิโลกรัม/ห่อ ตรวจสอบเบื้อต้นด้วยเทสคิท บ่งบอกเป็นเฮโรอีน 134 หีบห่อ น้ำหนัก 314.63 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 943.89 ล้านบาท ซึ่งจะนำหลักฐานและผู้ต้องหาไปดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้กรมศุลกากรได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเทศต่างๆ ดำเนินการสกัดกั้นการส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศอย่างเข้มงวด

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป