FBI เตือน กลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ วางแผน ชุมนุม 16 ม.ค.

FBI เตือน กลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ วางแผน ชุมนุม 16 ม.ค.

สถานการณ์การเมืองใน สหรัฐ ยังคงไม่จบสิ้น หลังจากที่มี FBI ได้รับรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ วางแผน ชุมนุม ทั่ว 50 รัฐ ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ถึง 20 ม.ค. เมื่อวันที่ 12 มกราคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI ได้รับข้อมูลมาว่า กลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ เตรียมชุมนุมในเมืองเอกของทั้ง 50 รัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มในวันที่ 16 มกราคม และชุมนุมในกรุงวอชิงตันในวันที่ 17 มกราคม

คาดว่าการชุมนุมในครั้งนี้จะลากยาวไปถึงวันที่ 20 มกราคม 

หรือ วันพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่งของนาย โจ ไบเดน ซึ่งทาง FBI ยังได้รับรายงานอีกด้วยว่ามีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้ขู่ทำร้ายร่างกายนาย ไบเดน ในวันดังกล่าว ซึ่งทางการสหรัฐฯยืนยันว่าจะมุ่งมั่นที่จะตรวจสอบและสกัดกั้นเหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น พร้อมระบุอีกว่าจะไม่พุ่งเป้าที่ประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบ แต่จะจับตามองกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นภัยต่อประชาชนและทรัพย์สิน

ขณะเดียวกัน สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเตรียมลงมติเรียกร้องให้ นาย ไมค์ เพนส์ รองประธานาธิบดี ใช้ม.25 ยึดอำนาจประธานาธิบดี จาก นาย ทรัมป์ จากนั้นจะต่อด้วยการลงมติอิมพีชเมนท์ หรือถอดถอนปธน.ทรัมป์ในช่วงเช้าวันพุธ อย่างไรก็ดี FBI ระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอาจก่อเหตุความรุนแรงหาก นาย ทรัมป์ ถูกปลดก่อนกำหนด ด้าน นาย ทรัมป์ ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร นั้บตั้งแต่วันศุกร์ เนื่องจากถูกระงับสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง

เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศสหรัฐฯ ออกตามล่า นักโทษ จำนวน 6 คน ที่ทำการ แหกคุกด้วยเชือก เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามหา ผู้ถูกคุมขังจำนวน 6 คนที่ทำการหลบหนีการคุมขังจากเรือนจำ ในทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าผู้หลบหนีทั้ง 6 คน สามารถขึ้นไปถึงบนดาดฟ้าของเรือนจำได้ ก่อนจะใช้ เชือกทำเอง ในการปีนลงมา

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนประชาชนว่านักโทษหลบหนีทั้ง 6 คน ต้องโทษคดีร้ายแรง มีอาวุธติดตัว และ เป็นอันตราย ขอให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และโทรเรียนกเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบผู้ต้องหา

ด้านสำนักงานนายอำเภอประจำพื้นที่ระบุว่า พวกเขาจะเปิดเผยข้อมูล หากพวกเขาได้รับข่าวสารเพิ่มเติม

กล้องวงจรปิดในร้านแม็คโดนัลด์ในประเทศออสเตรเลีย สามารถจับภาพวินาทีที่ หนุ่มคนหนึ่ง พังร้าน หลังถูกขอให้ สแกน QR Code เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว ซิดนีย์ มอนิ่ง เฮรัลด์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ กำลังเร่งตามหาชายในช่วงวัยอายุ 20 ถึง 30 ปี ที่ทำลายข้าวของภายในร้านแม็คโดนัลด์ ในทางเหนือของนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา

หลังจากพนักงานขอให้ ชายคนดังกล่าวสแกน QR Code ตามตัว ในกรณีเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเดินเข้ามาใน้ร้าน ซึ่งทางพนักงานได้ขอให้ชายคนดังกล่าวเดินออกจากร้าน เนื่องจากไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ถือเป็นการละเมิดกฎที่ถูกวางเอาไว้

ทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียงกัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะใช้มือปัดทำลายข้าวของบริเวณแคชเชียร์ จากที่พนักงานขอให้สแกน QR Code เพื่อติดตาม ซึ่งผู้ก่อเหตุได้เดินออกจากร้านทันที หลังก่อเหตุ

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้จะได้รับบทลงโทษตามกฏหมายขณะนี้ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 28,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วเกือบ 1,000 ศพ

ไบเดน เตรียม ฉีด วัคซีนโควิด โดส 2 วันจันทร์นี้

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเข้าฉีด วัคซีนโควิด โดส 2 ในวันพรุ่งนี้ หลังครบกำหนด 3 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีนโดสแรก เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 มีกำหนดเข้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดสที่ 2 ในวันพรุ่งนี้

หลังจากที่เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน นาย ไบเดน ได้ฉีดวัคซีนออกโทรทัศน์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยของวัคซีน โดยวัคซีนไฟเซอร์นั้นจำเป็นต้องมีการฉีด 2 ครั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคโควิด-19

ตัวแทนของนายไบเดน ระบุว่าการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 นี้จะออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์เหมือนกับครั้งแรก ทั้งนี้ตัวแทนของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ขณะนี้มีประชาชนสหรัฐฯได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วราวๆ 6.7 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่ทางการสหรัฐฯตั้งไว้มาก โดยทางการตั้งเป้าไว้ว่าจะมีประชาชนราวๆ 20 ล้านคนได้รับวัคซีนในช่วงสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา

ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมและยอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยสหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยสะสม 22 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 4 แสนศพ

โดยในระหว่างการเยี่ยมเยียนของนาย กูเตร์เรส นั้นได้เกิดระเบิดสองครั้งในกรุงเคียฟ ทำให้อาคารได้รับความเสียหายและเกิดเพลิงลุกไหม้ ซึ่งทางนายกเทศมนตรีของเมืองระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาล 3 ราย ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่ยังติดอยู่ในอาคาร

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป